วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โมเด็ม




ความหมายของโมเด็ม (Modems)

โมเด็ม (Modems)
เป็นอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้คุณสัมผัสกับโลกภายนอกได้อย่างง่ายดาย โมเด็มเป็นเสมือนโทรศัพท์สำหรับคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทั่วโลก โมเด็มจะสามารถทำงานของคุณให้สำเร็จได้ก็ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณเข้าคู่สายของโทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่งซึ่งโมเด็มจะทำการแปลงสัญญาณดิจิตอล (digital signals) จากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อก (analog signals) เพื่อให้สามารถส่งไปบนคู่สายโทรศัพท์
คำว่า โมเด็ม(Modems) มาจากคำว่า (modulate/demodulate) ผสมกัน หมายถึง กระบวนการแปลงข้อมูลข่าวสารดิจิตอลให้อยู่ในรูปของอนาล็อกแล้วจึงแปลงสัญญาณกลับเป็นดิจิตอลอีกครั้งหนึ่งเมื่อโมเด็มของคุณต่อเข้ากับโมเด็มตัวอื่นความแตกต่างของโมเด็มแต่ละประเภท

ประเภทของโมเด็ม

Modem แบบติดตั้งภายใน (Internal Modem) เป็นการ์ดเสียบเข้ากับสล็อตในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา จุดเด่นของโมเด็มเป็นแบบติดตั้งภายในก็คือ ราคาถูกกว่า ไม่เปลืองพื้นที่ใช้สอยเพราะโมเด็มถูกติดตั้งไว้ในตัวเครื่องแล้ว และทำให้กินไฟน้อยลง ส่งข้อมูลได้เร็วกว่าแบบติดตั้งภายนอกสำหรับโมเด็มแบบนี้รุ่นใหม่ๆ จะติดตั้งง่ายมากด้วยระบบ plug & play ส่วนข้อด้อยก็คือ เมื่อทำงานไปนานๆ จะเกิดความร้อนสะสมภายในเครื่อง แถมยังกินไฟจากเพาเวอร์ซัพพลาย ด้วย

Modem แบบติดตั้งภายนอก (External Modem) โดยจะต่อกับ Serial Port อาจจะเป็นที่ USB, Com1 หรือ Com2 และจะมี Case และ Power Supply ต่างหาก โดยจะทำการเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านทาง Communication Port หรือ Port RS232 ข้อดีของ Modem แบบนี้ก็คือ บนตัว Modem เองจะมีไฟบอกสถานะการทำงาน เพื่อบอกให้ผู้ใช้ทราบว่า ตัว Modem ยัง Connect อยู่อย่างปกติหรือไม่ และนอกจากนี้ การที่ตัว Modem มี Power Supply แยกต่างหากก็ทำให้ไม่ต้องไปใช้ Power ร่วมกับ CPU หรืออุปกรณ์อื่น ข้อเสีย คือ ต้องมีพื้นที่พอที่จะวางตัว Modem ที่ต้องติดตั้งอยู่ภายนอกกล่อง CPU และราคาค่อนข้างจะสูงเมื่อเทียบกับ Modem แบบ Internal และมีความเร็วเท่ากัน

โมเด็มแต่ละประเภทจะมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้

1. ความเร็วในการรับ - ส่งสัญญาณ
ความเร็วในการรับ - ส่งสัญญาณ หมายถึง อัตรา (rate) ที่โมเด็มสามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโมเด็มอื่นๆมีหน่วยเป็นบิต/วินาที (bps) หรือ กิโลบิต/วินาที (kbps) ในการบอกถึงความเร็วของโมเด็มเพื่อให้ง่ายในการพูดและจดจำ มักจะตัดเลขศูนย์ออกแล้วใช้ตัวอักษรแทน เช่น โมเด็ม 56,000 bps จะเรียกว่า โมเด็มขนาด 56 K
2. ความสามารถในการบีบอัดข้อมูล
ข้อมูลข่าวสารที่ส่งออกไปบนโมเด็มนั้นสามารถทำให้มีขนาดกะทัดรัดด้วยวิธีการบีบอัดข้อมูล (compression) ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้ครั้งละเป็นจำนวนมากๆ เป็นการเพิ่มความเร็วของโมเด็มในการรับ - ส่งสัญญาณ
3. ความสามารถในการใช้เป็นโทรสาร
โมเด็มรุ่นใหม่ๆ สามารถส่งและรับโทรสาร (Fax capabilities) ได้ดีเช่นเดียวกับการรับ - ส่งข้อมูล หากคุณมีซอฟท์แวร์ที่เหมาะสมแล้วคุณสามารถใช้แฟคซ์โมเด็มเป็นเครื่องพิมพ์(printer)ได้เมื่อคุณพิมพ์เข้าไปที่แฟคซ์โมเด็มมันจะส่งเอกสารของคุณไปยังเครื่องโทรสารที่ปลายทางได้
4. ความสามารถในการควบคุมความผิดพลาด
โมเด็มจะใช้วิธีการควบคุมความผิดพลาด (error control) ต่างๆ มากมายหลายวิธีในการตรวจสอบเพื่อการยืนยันว่าจะไม่มีข้อมูลใดๆสูญหายไประหว่างการส่งถ่ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง
5. ออกแบบให้ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก
โมเด็มที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่วๆ ไปจะมี 2 รูปแบบ คือ โมเด็มแบบติดตั้งภายนอก (external modems) และ แบบติดตั้งภายใน (internal modems)
6. ใช้เป็นโทรศัพท์ได้
โมเด็มบางรุ่นมีการใส่วงจรโทรศัพท์ธรรมดาเข้าไปพร้อมกับความสามารถในการรับ - ส่งข้อมูลและโทรสารด้วย
ใช้โมเด็มทำอะไรได้บ้าง

เราสามารถใช้โมเด็มทำอะไรต่างๆ ได้หลายอย่าง เช่น 

1. พบปะพูดคุย
2. ใช้บริการต่างๆ จากที่บ้าน
3. ท่องไปบนอินเทอร์เน็ต
4. เข้าถึงบริการออนไลน์ได้
5. ดาวน์โหลดข้อมูล,รูปภาพและโปรแกรมแชร์แวร์ได้
6. ส่ง - รับโทรสาร
7. ตอบรับโทรศัพท์
การเลือกซื้อโมเด็ม

สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อโมเด็มมาใช้งาน เช่น

1. เข้ากันได้กับระบบคอมพิวเตอร์ของคุณ
2. เข้ากันได้กับระบบทำงาน OS ของคอมพิวเตอร์ของคุณ
3. ความเร็วในการรับ - ส่งสัญญาณ
4. เป็นโมเด็มภายนอกหรือภายใน
5. การบีบอัดข้อมูล
6. ความสามารถในการควบคุมความผิดพลาด
7. รับ - ส่งโทรสารได้
8. ซอฟท์แวร์สื่อสาร

สิ่งที่ต้องใช้ร่วมกับโมเด็ม 

การที่สามารถใช้โมเด็มให้เกิดประโยชน์จากแหล่งข้อมูลนั้นจะต้องตรวจสอบว่ามีสิ่งเหล่านี้พร้อมหรือไม่
1. ซอฟท์แวร์สื่อสาร
2. พอร์ทอนุกรม (serial port)
3. fast UART เป็นซิฟตัวหนึ่งที่ติดตั้งบนพอร์ทอนุกรมของคอมพิวเตอร์
เพื่อควบคุมการไหลของข้อมูลเข้าและออกจากพอร์ทอนุกรม
4. serial cable เป็นสาย cable ที่นำมาต่อโมเด็มกับพอร์ทอนุกรมของคอมพิวเตอร์
(ต้องตรวจสอบดูว่าเป็น connector แบบ 9 ขา หรือ 25 ขา)
5. expansion slot ถ้าโมเด็มเป็นแบบติดตั้งภายในจะต้องมี expansion slot ใช้งาน
โดยจะต้องถอดฝาครอบตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ออกและติดตั้งโมเด็มลงไปบน expansion slot






การ์ดเสียง


การ์ดเสียง (Sound card)
เสียงเป็น ส่วนสำคัญของระบบมัลติมีเดียไม่น้อยกว่าภาพ ดังนั้นการ์ดเสียงจึงเป็นอุปกรณ์ จำเป็นที่สำคัญของระบบ คอมพิวเตอร์ มัลติมีเดีย การ์ดเสียงได้รับการพัฒนาคุณภาพอย่างรวดเร็วเพื่อ ให้ได้
ประสิทธิภาพของเสียงและความผิดเพี้ยน น้อยที่สุด ตลอดจนระบบเสียง 3 มิติในปัจจุบัน ความชัดเจน ของเสียงจะมีประสิทธิภาพดีเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ อัตราการสุ่มตัวอย่าง และ ความแม่นยำ ของตัวอย่างที่ได้ ซึ่งความแม่นยำของตัวอย่างนั้นถูกกำหนด โดยความสามารถของ A/D Converter ว่ามีความ ละเอียดมากน้อยเพียงใด ทำอย่างไรจึงจะประมาณ ค่าสัญญาณดิจิตอลได้ใกล้เคียงกับสัญญาณเสียงมากที่สุด ความละเอียดของ A/D Converter นั้นถูก กำหนด โดยจำนวนบิตของสัญญาณดิจิตอลเอาต์พุต เช่น - A/D Converter 8 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 256 ระดับ - A/D Converter 16 bit จะสามารถแสดงค่าที่ต่างกันได้ 65,536 ระดับ หากจำนวนระดับมากขึ้นจะทำให้ความละเอียดยิ่งสูงขึ้นและการผิดเพี้ยนของ สัญญาณเสียงยิ่งน้อยลง นั่นคือ ประสิทธิภาพที่ของเสียง ที่ได้รับดีขึ้นนั่นเอง แต่จำนวนบิตต่อหนึ่งตัวอย่างจะมากขึ้นด้วย

ส่วนประกอบของการ์ดเสียง
การ์ดเสียงเกิดจากการนำเอาอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์มาประกอบรวมกันบนแผง PCB (Print Circuit Board) โดยมี ชิปที่เป็นอุปกรณ์หลักในการสร้างเสียงคือ Synthesizer ซึ่งในปัจจุบันมักเป็นแบบ wave table โดยผู้ผลิตชิปสังเคราะห์ เสียงที่มีชื่อเสียง คือ ESS และ Yamaha ส่วนอื่นจะเป็นช่องต่อสำหรับนำสัญญาณเข้า-ออก เพื่อทำงานด้านเสียง

1. คอนเน็คเตอร์ CD Audio เป็นส่วนที่อยู่ในเครื่อง เพื่อรับสัญญาณเสียงแบบอนาล็อกจากไดร์ฟซีดีรอมผ่านสายเชื่อม ต่อที่มี 4 ช่อง สำหรับนำมาเสียบเข้ากับตัวคอนเน็คเตอร์ การเสียบผิด ด้านไม่ทำให้เสียหายแต่จะเป็นการสลับช่องสัญญาณออก สู่ ลำโพงซ้าย-ขวา เท่านั้น
2. ชิปสังเคราะห์เสียง หรือ Synthesizer ในยุคแรกเป็นแบบ FM ที่เรียกว่า Frequency Modulation เป็นการ สังเคราะห์เสียงแบบผสมความถี่ซึ่งไม่นิยมใช้ ปัจจุบันนี้ เพราะไม่สามารถให้เสียงที่เป็นธรรมชาติเหมือนเครื่องดนตรีจริงได้ WaveTable เป็นวิธีการสังเคราะห์เสียงที่นิยมใช้กันมากที่สุด ในยุคปัจจุบันเนื่องจากสามารถให้เสียงได้ใกล้เคียงกับเครื่อง ดนตรีจริงมากที่สุด ซึ่งวิธีการคือ บันทึกเสียงเครื่องดนตรีจริงของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดไว้เป็นช่วงสั้น ๆ เพื่อเก็บไว้เป็นต้น แบบไปหาจากเสียงต้นแบบในตารางเสียงที่มีความถี่เดียวกันมา การ์ดเสียงที่ใช้วิธีการนี้ จึงให้เสียงเหมือนกับมีเครื่องดนตรี บรรเลงอยู่จริง ๆ
3. ช่อง Line - out (สีชมพู) ช่องต่อนี้จะมีเฉพาะการ์ดเสียงแบบ 4 แชนแนล ใช้สำหรับต่อสัญญาณเสียง ไปยังลำโพง แบบ Surround ซ้าย-ขวา
4. ช่อง Line - in (สีน้ำเงิน) สำหรับรับสัญญาณเสียงจากอุปกรณ์กำเนินเสียงอื่น เช่น เครื่องเล่นวิทยุ - เทป เครื่องเล่นซีดี ฯลฯ เข้ามาที่การ์ดเพื่อขยายสัญญาณเสียง หรือแสดงผลที่เครื่องของเรา
5. ช่อง Speaker (สีเขียว) สำหรับส่งสัญญาณเสียงจากการ์ดเสียงออกไปยังลำโพงปกติในแบบสเตอริโอ
6. MIDI/Game Port เป็นคอนเน็คเตอร์รูปตัว "D" ใช้ต่อพ่วงอุปกรณ์ประเภท MIDI หรืออุปกรณ์สำหรับเล่นเกม เช่น จอยสติก เกมแพด ฯลฯ

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ต่อคัพท์คอมพิวเตอร์

บทที่ 5


คำศัพท์
คำอ่าน
คำแปล
Recording
เรคคอดดิ้ง
บันทึก
Hard Disk
ฮาดดิส
หน่วยเก็บข้อมูล
Sector
เซกเตอ
ดิสก์ที่ได้รับการแบ่งออก
Clusters
ครัทเทอ
หน่วยทางตรรกะการเก็บไฟล์
Disk Platters
ดิสแพนเทอ
จาน Diskหลายแผ่นมารวมกัน
Seek Time
ซีกทาม
เวลาในการค้นหา
Defragmenters
ดีแฟกเม้น
การจัดเรียงข้อมูล
management
เมเนดเม้น
การจัดการ
Partition
พาติชั่น
แบ่งพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ให้เป็นส่วนๆ
 

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คัพท์คอมพิวเตอร์

บทที่ 1


คำศัพท์
คำอ่าน
คำแปล
Micro Computer
ไมโครคอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก หรือเรียกอีกอย่างว่า PC
Mini Computer
มินิคอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดกลางมีหน้าที่ในการคำนวณและการสื่อสาร ใช้ใน การ องค์กรขนาดกลางจนถึงใหญ่
Engineering Workstation
เอนจินเนียริงเวิร์คสเตชั่น
เป็นคอมพิวเอตร์ขนาดเล็กแต่มีความสามารถสูงในด้านกราฟิก การสร้างรูปภาพและการทำภาพเคลื่อนไหว
Mainframe Computer
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ มักใช้ในองการ์ขนาดโหญ่ซึ่งคล้ายกับ มินิคอมพิวเตอร์
Super Computer
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่มากใช้ในการคำนวณตัวเลขหลายล้านตัว
Input
อินพุต
รับข้อมูล
Process
โปรเซส
ประมวลผล
Output
เอ้าพุต
แสดงผลหรือผลลัพธ์
Cpu
ซีพียู
หน่วยประมวลผลกลาง
Digital
ดีจิตอล
ระบบที่ใช้ค่าตัวเลข โดยเฉพาะเลขฐานสอง สำหรับการส่งผ่าน ประมวลผล จัดเก็บหรือแสดงผลของข้อมูล

บทที่ 2


คำศัพท์
คำอ่าน
คำแปล
Main Board เมนบอร์ด แผงวงจรหละกสำหรับติดตั้งหรือต่อพ่วงอุปกรณ์ต่างๆของคอมพิวเตอร์
Socket ซ็อกเก็ต ส่วนสำหรับใส่ซีพียู
Slot สล็อต ช่องสำหรับเสียบอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น การ์ดต่างๆ
Power Supply เพาเวอร์ซัพพลาย อุปกรณ์ในการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเป็นตัวเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้า
Chipset ชิบเซ็ต ชิ้นส่วนอิเล็กทรอกนิกส์สำหรับควบคุมการทำงานต่างๆ ของเมนบอร์ด
bus บัส เส้นทางการขนส่งข้อมูลที่เป็นสัญญาณไฟฟ้าในระบบคอมพิวเตอร์
Stromstecker สตอมสตากเกอร์ ช่องสำหรับเสียบสาย power
Watt วัตต์ เป็นหน่วยเอสไอของกำลัง
Volt โวลต์ หน่วยอนุพันธ์ในระบบเอสไอของความต่างศักย์ไฟฟ้า
Hard Disk ฮาร์ดดิสก์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บรรจุข้อมูลแบบไม่ลบเลือน มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กซึ่งหมุนอย่างรวดเร็วเมื่อทำงาน





























บทที่ 3


คำศัพท์
คำอ่าน
คำแปล
Processor
โปรเซสเซอร์
อุปกรณ์ที่มีหน้าที่การปะมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อน เข้ามาทางอุปกรณ์อินพุต ตามคำสั่ง
control unit
คอนโทนยูนิต
เป็นศูนย์กลางการควบคุมการทำงานภายในหน่วยประมวลผล
Main memory
เมนเมมโมรี
หน่วยความจำหลัก จะเก็บข้อมูล และชุดคำสั่งในระหว่างประมวลผล และจะต้องมีกระแสไฟฟ้า เมื่อปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ข้อมูลในหน่วย ความจำนี้จะหายไป
Logic unit
โลยิกยูนิต
เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยประมวลผลกลางของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่คำนวณทางคณิตศาสตร์
Memory
เมมโมรี
เป็นอุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ ที่ใช้เก็บคำสั่ง และข้อมูลที่ไมโครเซสเซอร์ สามารถเข้าถึงได้เร็ว
Error
เออร์ -เรอร์
ความผิดพลาด ทางด้านคอมพิวเตอร์
Stromstecker
สตอมสตากเกอร์
ช่องสำหรับเสียบสาย power
Decode unit
ดีโคสยูนิต
เป็นหน่วยที่แปลคำสั่งเพื่อไปประมวลผล
Registers
รีจิเอตร์
เป็นหน่วยความจำใช้เก็บข้อมูลชั่วคราวขณะ ทำการประมวลผล
Prefetch unit
พีเฟ่สยูนิต
เป็นหน่วยเก็บคำสั่งไว้ในที่พักข้อมูลแล้วส่งไปที่หน่วยถอดรหัส


































บทที่ 4


คำศัพท์
คำอ่าน
คำแปล
Non-volatile memory
นอนโวลาไทน์
คือหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ที่สามารถเก็บรักษาข้อมูลได้อยู่โดยไม่ต้องอาศัยไฟฟ้า ตัวอย่างหน่วยความจำถาวรเช่น
Volatile memory
โวลาไทน์
คือหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นต้องมีไฟฟ้าเลี้ยงตลอดเวลาตราบเท่าที่ยังต้องการให้มันเก็บข้อมูลนั้นอยู่
Static Ram
สแตติกแรม
เป็นหน่วยความจำที่ใช้สถานะทางวงจรไฟฟ้าเป็นที่เก็บข้อมูลโดยวงจรเล็กๆ แต่ละวงจรจะเก็บข้อมูล “0” หรือ “1” ซึ่งจะคงสถานะไว้จนกว่าจะมีการสั่งเปลี่ยนแปลง
Dynamic Ram
ไดนามิกส์แรม
เป็นหน่วยความจำที่ใช้หลักการบรรจุประจุลงในหน่วยเล็ก ๆ ที่ทำหน้าที่เหมือนตัวเก็บประจุ แต่เป็นจากตัวเก็บประจุไฟฟ้าเล็ก
Megahertz
เมกกะเฮิร์ทซ
เป็นหน่วยวัดกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) หรือความถี่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EM) เท่ากับ 1,000,000 hertz (1 ล้าน เฮิร์ทซ) หน่วยนี้ใช้ในแสดงความเร็วนาฬิกาไมโครโพรเซสเซอร์
Smart Drive
สมาร์ทไดร์ฟ
การ์ดหน่วยความจำ..ใช้แทนฮาร์ดดิสก์
Memory stick
เมมโมรี่สติ๊ก
เป็นเมมโมรี่การ์ดชนิดหนึ่ง ที่คิดค้นโดยบริษัท Sony มีรูปร่างเป็นแท่งแบนยาวคล้ายหมากฝรั่ง มีขนาด 50 x 21.5 x 2.8 มิลลิเมตร สามารถจุข้อมูลได้มากถึงระดับกิกะไบต์ และมีความเร็วในการบันทึกและการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงระดับ 1.3 MB ต่อวินาที
Decode unit
ดีโคสยูนิต
เป็นหน่วยที่แปลคำสั่งเพื่อไปประมวลผล
Kilobyte
กิโลไบต์
ใช้ตัวย่อว่า KB เป็นหน่วยข้อมูล มีค่าเท่ากับ 1,024 ไบต์(210 ไบต์)
bit
บิต
เป็นหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด ในระบบคอมพิวเตอร์